งานหน้าบ้านของนักวางแผนการเงิน
ท่านผู้อ่านที่เคยได้ยิน คำว่า นักวางแผนการเงิน หรือได้มีโอกาสใช้บริการนักวางแผนการเงิน ก็คงพอจะทราบว่า หน้าที่หลักของนักวางแผนการเงิน คือ การให้คำแนะนำที่ครอบคลุมในทุกๆ ด้าน ที่มีเรื่องการเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อนำพาผู้รับคำปรึกษาไปให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการ เช่น การบริหารรายรับ – รายจ่าย การบริหารหนี้สิน การวางแผนคุ้มครองความเสี่ยงที่ควรมี รวมถึงการวางแผนการลงทุนเพื่อเป้าหมายต่างๆ…
โดยแผนการเงินที่ดีนั้น ต้องจัดทำโดยคำนึงถึงความเหมาะสมกับผู้รับคำปรึกษาแต่ละรายด้วย
หากพิจารณาจากข้อความด้านบน จะเห็นว่า แผนการเงินของผู้รับคำปรึกษาหนึ่งคนนั้น กว่าจะได้มา นักวางแผนการเงิน ต้องใช้ทักษะต่างๆ อย่างมาก อาทิ
ทักษะเหล่านี้ เป็นทักษะที่มีความสำคัญอย่างมาก ในการที่จะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน สำหรับนำไปวิเคราะห์และจัดทำแผน และในส่วนของความสัมพันธ์นั้น ก็มีโอกาสพัฒนาเป็นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันยิ่งขึ้นในภายหลัง ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ ผมเรียกว่าเป็น “งานหน้าบ้านของนักวางแผนการเงิน”
งานหลังบ้านของนักวางแผนการเงิน
เมื่อนักวางแผนการเงินได้วิเคราะห์และจัดทำแผน และนำแผนการเงินที่ได้นั้น เสนอให้กับผู้รับคำปรึกษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระบวนการในการวางแผนการเงิน ก็น่าจะ “จบ” ลงแค่นี้ ?
ใช่ครับ… จบ แต่เป็นการจบในส่วนของแผนการเงิน ซึ่งเปรียบเสมือนคู่มือให้กับผู้รับคำปรึกษานำไปปฏิบัติเท่านั้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าผู้รับคำปรึกษาจะสามารถปฏิบัติตามได้หรือไม่ อย่าลืมนะครับว่า…
แผนการเงินที่ดีนั้น คือ แผนการเงินที่ผู้รับคำปรึกษา สามารถปฏิบัติตามได้อย่างยั่งยืน
ดังนั้น เพื่อให้ผู้รับปรึกษาปฏิบัติตามแผนได้ นักวางแผนการเงินจะต้องคอยติดตามว่า ผู้รับคำปรึกษาได้ทำตามแผนที่ตกลงร่วมกันหรือไม่ และในบางแผน อาจมีขั้นตอนอีกหลายอย่าง ที่นักวางแผนการเงินต้องคอยช่วยผู้รับคำปรึกษาในการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แผนนั้นดำเนินการได้ ซึ่งกระบวนการที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ผมเรียกว่า “งานหลังบ้าน ของนักวางแผนการเงิน”
งานหลังบ้านของนักวางแผนการเงิน จากประสบการณ์ร่วมปีกว่าๆ ของผม พบว่ามีงานหลังบ้านที่สำคัญ และต้องทำอยู่เสมอ 3 งานด้วยกัน ได้แก่
1. งานเอกสาร
แน่นอนครับ หลังจากที่ได้แผนการเงินเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้แผนต่างๆ ดำเนินการต่อไปได้ เช่น แผนประกัน แผนการลงทุน นักวางแผนการเงินอาจต้องเตรียมเอกสาร ต่างๆ ให้ผู้รับคำปรึกษาด้วย เช่น
ซึ่งงานเอกสารสำหรับผม ถือว่าเป็นงานที่ต้องใช้ ความละเอียดรอบคอบเป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องของจำนวนเอกสารที่ต้องเตรียม และเรื่องการกรอกข้อมูลในเอกสารที่ต้องถูกต้อง และครบถ้วน เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งก็มักจะมีกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันพอสมควร ทำให้งานที่ดูเหมือนง่ายกลายเป็นความซับซ้อนได้พอตัว ดังนั้น ถ้านักวางแผนการเงินไม่ละเอียดรอบคอบพอ ก็อาจทำให้เสียเวลาในการติดต่อผู้รับคำปรึกษา เพื่อขอหรือแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมกลับไปกลับมาหลายรอบ
สำหรับงานเอกสารนั้น เคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ของผมก็คือ…
2. งานให้คำปรึกษาภายหลังจากที่ได้นำเสนอแผนการเงินเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งผมเรียกว่า “งานหลังไมค์” งานส่วนนี้ ผมถือว่าเป็น ส่วนสำคัญที่สุด ในงานหลังบ้านของนักวางแผนการเงิน เพราะเป็นการสร้างความเชื่อใจ และความสัมพันธ์ระยะยาวร่วมกัน ระหว่างนักวางแผนการเงินและผู้รับคำปรึกษา เนื่องจากแผนการเงินส่วนใหญ่นั้น ต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานกว่าจะเดินไปถึงเป้าหมาย เช่น แผนเกษียณ (ซึ่งเป็นแผนที่ทาง Avenger Planner ให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ ของแผนการเงินส่วนบุคคล)
ดังนั้น ถ้านักวางแผนการเงิน ให้บริการในส่วนนี้ไม่ดีพอ ก็อาจทำให้ผู้รับคำปรึกษาเกิดความไม่มั่นใจ ว่านักวางแผนการเงินจะเป็นเพื่อนร่วมทางและพาผู้รับคำปรึกษาไปถึงยังเป้าหมายได้หรือไม่ ซึ่งสำหรับผม ทักษะที่ต้องมีเพื่อทำงานหลังไมค์นี้ให้ได้ดี คือ ความพร้อมที่จะดูแล และให้บริการอย่างเต็มใจ
นักวางแผนการเงินควรต้องคอยแจ้งสถานะ และรายละเอียดต่างๆ ที่ได้ดำเนินการ ให้ผู้รับคำปรึกษาทราบ เช่น
ซึ่งการแจ้งข้อมูลหรือการตอบคำถามนั้น นักวางแผนการเงินต้องดูความเหมาะสมของ เวลา และเงื่อนไขของผู้รับคำปรึกษาแต่ละท่านด้วยว่า สะดวกให้ติดต่อเวลาไหนบ้าง และสะดวกให้ติดต่อช่องทางไหนได้บ้าง ซึ่งควรจะได้มีการสอบถามและตกลงวิธีการกันไว้ก่อนตั้งแต่นัดแรกๆ
สำหรับงานให้คำปรึกษาหลังไมค์นั้น เคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ของผมก็คือ…
เมื่อผู้รับคำปรึกษาติดต่อมาทางไลน์ อีเมล์ หรือโทรศัพท์เพื่อถามคำถามหรือขอคำปรึกษา แม้ผมจะไม่สามารถให้คำปรึกษา หรือตอบคำถามได้ในเวลานั้น แต่ผมจะตอบกลับก่อนเสมอว่า
รับทราบครับ ผมจะรบกวนขอติดต่อกลับเพื่อตอบคำถามภายในวันที่ XX เวลา YY หรือ จะสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วรีบแจ้งกลับภายในไม่เกินวันที่ ZZ นะครับ
ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้รับคำปรึกษาสบายใจ ว่าเราได้รับทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหากรับปากอะไรไปก็ต้องพยายามทำให้ได้ตามที่รับปากด้วย เว้นแต่ในกรณีที่คำถามของผู้รับคำปรึกษานั้นมีความสำคัญเร่งด่วน ต้องได้รับการตอบกลับทันที เช่น มีการตัดบัญชีธนาคารของผู้รับคำปรึกษาไม่ตรงกับแผน ก็จะต้องรีบชี้แจง หรือรีบดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด
3. งานประสานงานกับบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
งานส่วนนี้โดยมากจะเกี่ยวข้องกับ 2 งานก่อนหน้าที่ได้กล่าวถึงไป คืองานเอกสาร และงานให้คำปรึกษาหลังไมค์ ซึ่งมักต้องมีการประสานงานกับบุคคลและหน่วยงานต่างๆ ตลอดเวลา ซึ่งก็มีโอกาสที่จะเจอการตอบสนองของบุคคลต่างๆ ที่ทำให้เราไม่สบายใจ โมโห หรือหงุดหงิดได้ สำหรับผมทักษะที่ต้องมีในข้อนี้ ก็คือ ทักษะในการสื่อสาร และการเข้าใจผู้อื่น
ความอ่อนน้อมถ่อมตน กับบุคคลที่เราต้องการขอความช่วยเหลือ และ การเข้าใจลักษณะงานของเขา ว่างานของเขา ไม่ได้มีแค่งานของเราเท่านั้น แต่เขาก็ต้องให้บริการคนอื่นๆ ด้วยเหมือนกัน และบางครั้งเขาเองก็อาจไม่ได้มีอำนาจที่จะเร่งรัดสิ่งต่างๆ ให้กับเราได้
2 สิ่งนี้ เป็นสิ่งที่ควรทำให้ได้ เพราะเป็นการแสดงถึงความเคารพ และให้เกียรติผู้อื่น ซึ่งอยู่ร่วมสายวิชาชีพเดียวกันกับเรา และทำให้เราควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดีขึ้นอีกด้วย
เวลาผมขอความช่วยเหลือต่างๆ ผมจะทำด้วยความสุภาพ และพร้อมที่จะเข้าใจเขา ในกรณีที่เขาไม่สามารถให้ในสิ่งที่ผมต้องการได้ในทันที หรือผมอาจจะโดนต่อว่ากลับมา ผมก็จะโมโหน้อยลง หรืออาจจะโมโหช่วงแรกๆ แต่พอตั้งสติได้ อารมณ์โมโหนั้นก็จะหายไปได้เร็ว แต่ถ้าเราไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ ปล่อยไปเรื่อยๆ อาชีพนักวางแผนการเงินที่เราชอบและมีความสุขที่ได้ทำ ในอนาคตมันอาจจะเป็นอาชีพที่ทำให้เราไม่มีความสุขก็เป็นได้
สำหรับงานประสานงานกับบุคคลอื่นๆ นี้ เคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ของผมก็คือ…
ก่อนจะมีการสื่อสารกับบุคคลอื่น ในการขอข้อมูลหรือสอบถาม ผมจะเตรียมข้อมูลต่างๆ ให้พร้อม ก่อนที่จะทำการติดต่อไปเสมอ เช่น วัตถุประสงค์ในการขอข้อมูล หรือสอบถามคืออะไร ? ข้อมูลที่ต้องบอกก่อนจะขอข้อมูล หรือสอบถามมีอะไรบ้าง ? และระยะเวลาที่จะได้คำตอบนั้น ควรจะได้เมื่อไร ? การเตรียมตัวที่ดี จะทำให้การสื่อสารที่ออกมามีความกระชับและชัดเจนขึ้นครับ
สรุปก่อนจาก
จะเห็นได้ว่าหน้าที่ของนักวางแผนการเงินนั้น ไม่ใช่แค่การศึกษาหาความรู้ การสอบผ่านตามมาตรฐานที่กำหนด การให้คำปรึกษา การนำเสนอแผนการเงิน แต่ยังมีงานเบื้องหลังอยู่เยอะแยะมากมาย ซึ่งงานบางอย่าง ก็ชวนให้น่าปวดหัว อยู่ไม่น้อย
3 หัวข้อที่ผมยกตัวอย่างนี้ เป็น 3 หัวข้อ ที่ผมคิดว่า เป็นงานหลังบ้านที่นักวางแผนการเงิน ต้องให้ความสำคัญ ไม่แพ้งานหน้าบ้าน ซึ่งใครที่เป็นนักวางแผนการเงินอยู่ หรืออยากจะเป็นนักวางแผนการเงินในอนาคต จะต้องเจออย่างแน่นอนครับ
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่อยู่หลังบ้าน ซึ่งนักวางแผนการเงินต้องให้ความสำคัญเช่นกัน นั่นคือ การพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาความรู้ต่างๆ ทั้งเรื่องการเงิน และเรื่องความรู้รอบตัว การพัฒนาทักษะในการสื่อสาร และวิธีการนำเสนอแผนการเงินให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Quotient :EQ) เพื่อให้สามารถมีสติ และจัดการอารมณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
ผมเองไม่สามารถบอกได้ว่าอาชีพนี้ น่าสนใจแค่ไหน เพราะขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความคาดหวังในการทำอาชีพนี้ของแต่ละคน แต่สิ่งที่ผมได้รับจากการทำอาชีพนี้แน่ๆ ก็คือ ความสุข ที่ได้จากการเป็นผู้ให้ และ ความสุข ที่ได้อยู่ร่วมกับกลุ่มคนที่มีอุดมการณ์คล้ายๆ กัน ดังนั้น สำหรับผมอาชีพนักวางแผนการเงิน จึงเป็นอาชีพที่สร้างทั้งคุณค่าและสร้างทั้งความสุข ให้กับตัวผมเองและผู้อื่น
สำหรับใครที่ต้องการเป็นนักวางแผนการเงินนั้น ผมเชื่อว่าถ้ามีความพยายามก็สามารถเป็นกันได้ แต่การจะเป็นนักวางแผนการเงิน “ที่ดี” ด้วยนั้น ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ อย่างแน่นอนครับ