แนวคิด “เกษียณเร็ว” หรือ การมีอิสรภาพทางการเงินจนสามารถหยุดทำงานตั้งแต่อายุไม่มาก เป็นแนวคิดที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในยุคสมัยนี้
เพราะสามารถตอบสนองความต้องการของ ผู้ที่ปรารถนาความเป็นอิสระ ต้องการเวลาไปทำสิ่งที่อยากทำตั้งแต่ในวัยหนุ่มสาวที่ยังมีพละกำลังมากมาย และไม่อยากจะทำงานไปจนแก่ แล้วค่อยได้ใช้ชีวิตอิสระในวัยเกษียณ ซึ่งอาจจะเหลือเรี่ยวแรงไปทำสิ่งต่างๆ ไม่มากแล้ว
ในมุมหนึ่งแนวคิดเกษียณเร็วก็เป็นสิ่งที่ดีครับ เพราะการที่เราหมดความกังวลเรื่องเงิน ไม่ต้องห่วงเรื่องงาน ไม่มี Bad Monday มาคอยหลอกหลอน ใครๆ ก็หวังถึงชีวิตแบบนี้จริงไหมครับ ผมเองก็ยังหวังเช่นกัน
แต่ช้าก่อน! การเกษียณเร็วไป ก็อาจจะมีผลเสียตามมาได้เหมือนกัน
ในบทความนี้ ผมจะขออนุญาตชวนท่านผู้อ่าน “มองโลกในแง่ร้าย” ถึงปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ที่สนใจจะเกษียณเร็ว โดยหวังว่าทุกท่านจะสามารถนำประเด็นทั้ง 7 ข้อนี้ ไปใช้วางแผนให้รัดกุมและรอบคอบยิ่งขึ้น ก่อนที่จะตัดสินใจเกษียณเร็วกันนะครับ
1. วิถีชีวิตที่อาจไม่สมดุล และความเสี่ยงที่อาจมากเกินไปในช่วงเตรียมตัว
ยิ่งวางแผนจะเกษียณเร็วขึ้นเท่าใด ก็จะทำให้เรามีเวลาในการเก็บเงินหรือเตรียมทรัพย์สินสำหรับการเกษียณน้อยลงไปเท่านั้น
การที่จะทำแผนเกษียณเร็วให้สำเร็จได้ จึงมักเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องตัดสินใจใน 2 แนวทางต่อไปนี้
2. ต้องเตรียมรายจ่ายหลังเกษียณไว้มากกว่าการเกษียณอายุแบบทั่วไป
การเกษียณเร็วตั้งแต่อายุยังน้อย จะทำให้มีช่วงเวลาหลังเกษียณยาวนานขึ้น ซึ่งจะทำให้รายจ่ายที่ต้องเตรียมนั้นเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ตัวอย่างเช่น
3. อาจวางแผนค่าใช้จ่ายหลังเกษียณไว้น้อยเกินไป หรือหลงลืมค่าใช้จ่ายบางอย่าง
เนื่องจากรูปแบบการใช้ชีวิตในช่วงก่อนและหลังเกษียณนั้นอาจมีความแตกต่างกัน
ยิ่งเกษียณตั้งแต่อายุยังไม่มาก ยิ่งมีแนวโน้มที่รูปแบบการใช้ชีวิตจะเปลี่ยนไปได้มาก
ซึ่งจะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายบางอย่างอาจถูกประเมินไว้ไม่ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง หรือเกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดมาก่อนเพิ่มเข้ามา ตัวอย่างเช่น
4. ไม่ปรับค่าใช้จ่ายตามอัตราเงินเฟ้อ
เงินเฟ้อทำให้ราคาของสินค้าและบริการต่างๆ แพงขึ้นครับ ดังนั้น ค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายเมื่ออายุมากขึ้น หรือในปีหลังๆ ของการเกษียณอายุ ย่อมเพิ่มมากกว่าที่ต้องจ่ายในช่วงปีแรกๆ ตัวอย่างเช่น
ดังนั้น หากเราลืมคำนึงถึงเรื่องนี้ไป ก็จะส่งผลให้เงินที่เตรียมไว้ไม่เพียงพอ
โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เกษียณเร็วตั้งแต่อายุยังน้อยนั้น จะยิ่งมีระยะเวลาที่เงินเฟ้อสามารถทำงานได้นานขึ้นกว่าผู้ที่เกษียณตอนที่อายุมากแล้ว
5. คาดการณ์อายุขัยน้อยเกินไป
ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า อาจทำให้อายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์เพิ่มขึ้นได้มากกว่าที่เราคาดคิด ซึ่งอาจทำให้การการวางแผนต่างๆ ผิดพลาดตามไปด้วย
เพราะหากประเมินโดยพิจารณาจากเพียงสถิติที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน หรือจากอายุขัยของญาติผู้ใหญ่ในครอบครัว อาจมีโอกาสที่เราจะประเมินอายุขัยตัวเองต่ำเกินไป เนื่องจากไม่ได้เผื่ออายุขัยที่อาจเพิ่มขึ้นจากพัฒนาการทางการแพทย์ร่วมด้วย
ความเสี่ยงเรื่องนี้ค่อนข้างแก้ไขยาก เพราะกว่าจะรู้ว่าเตรียมทรัพย์สินและเงินทุนไว้ไม่เพียงพอ ก็อาจจะเมื่ออายุมากขึ้น จนขยับขยายๆ ไปหารายได้เพิ่มได้ยากแล้ว
6. โลกยังคงไม่หยุดหมุน ความเปลี่ยนแปลงยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง
ในปัจจุบันโลกหมุนเร็วมากครับ สิ่งที่เคยดีไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ หุ้นปันผลชั้นเลิศ หรือสินทรัพย์การเงินต่างๆ ก็อาจเปลี่ยนแปลงไปได้ ถ้าเราไม่ติดตามควบคุมดูแลมันอย่างต่อเนื่อง
7. สภาวะจิตใจหลังเกษียณเร็ว
เมื่อตัดสินใจเกษียณเร็วแล้ว
หลายๆ อย่างจะหายไป ซึ่งอาจจะส่งผลในแง่ลบต่อจิตใจของเราได้ เพราะเวลาว่างที่เคยไขว่คว้า แต่เมื่อมีมากเกินไป จนเหมือนไม่ได้ทำประโยชน์อะไร ก็อาจจะกระทบความภาคภูมิใจหรือคุณค่าในตนเอง
กิจกรรมที่อยากทำมาตลอด เมื่อได้ทำบ่อยครั้งเข้า ก็อาจกลายเป็นกิจกรรมที่น่าเบื่อไปได้
คนคุ้นเคยที่คุยกันถูกคอ ตอนนี้จะหาคนที่ว่างตรงกันก็ยาก เพราะคนอื่นยังคงทำงานอยู่ และแม้จะได้พบกัน เรื่องที่พูดคุยก็จะเริ่มห่างกันไปทุกที เพราะวิถีชีวิตก็แตกต่างกันมากขึ้น
คำถามคือ… เราสามารถจัดการกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ ?
บทสรุป
จะเห็นว่าหากมองโลกในแง่ร้ายนั้น การเกษียณเร็วมากๆ ก็อาจจะตามมาด้วยปัญหาหลายๆ อย่าง ดังที่ได้กล่าวไปใน 7 ข้อข้างต้น
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายว่าเป้าหมายเกษียณเร็วนั้น เป็นสิ่งต้องห้าม หรือไม่ควรทำนะครับ
เพราะหากเราสามารถจัดการกับประเด็นความเสี่ยงและปัญหาต่างๆ ได้ รวมทั้งเข้าใจตนเองอย่างถ่องแท้ว่า การเกษียณเร็ว เป็นสิ่งที่เราต้องการจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่จะลงมือทำให้สำเร็จ
แต่สำหรับท่านใดที่เห็นว่าการเกษียณเร็วนั้น อาจจะไม่ใช่คำตอบ ผมคิดว่าการออกแบบ “ทางสายกลาง” ที่พอดีกับความต้องการที่แท้จริงของตนเอง ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
เพราะถ้าความต้องการที่แท้จริงของมนุษย์ คือการมีชีวิตที่มีความสุข เราอาจไม่จำเป็นต้องเอาคำว่าเกษียณเร็ว มาเป็นเงื่อนไขเพื่อจะมีความสุขนั้น
แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า ความสุขจะเกิดขึ้นมาได้เอง โดยไม่ต้องทำอะไรนะครับ เพราะอย่างน้อยในทางการเงินก็ต้องมีการจัดการให้เกิดขึ้น
เพียงแต่การจัดการนั้น อาจไม่ต้องเข้มข้นหรือเร่งรัดในแบบของแผนเกษียณเร็ว แต่ก็ต้องเตรียมพร้อมบางอย่างเพื่อให้เรา “มีทางเลือกได้มากขึ้น”
คือเราอาจไม่ได้มีมากอย่างล้นเหลือ จนสามารถจะเลือกทำหรือไม่ทำอะไรก็ได้ แต่เราก็มีมากพอที่จะเลือกในสิ่งสำคัญต่อชีวิตและต่อความสุขของเราได้ ตัวอย่างเช่น
ตัวอย่างข้างต้น หากจะเรียกเป็นประเภทหนึ่งของการเกษียณอายุ ก็จะเรียกว่าเป็นการเกษียณแบบ “Semi-Retirement” ก็พอไหวครับ
ซึ่งไม่ว่าสุดท้ายท่านผู้อ่านจะเลือกแผนเกษียณแบบใดก็ตาม ผมก็หวังว่าท่านผู้อ่านทุกท่านจะมองทุกด้านอย่างรอบคอบ และสามารถทำตามเป้าหมายที่วางไว้ได้สำเร็จดั่งใจนะครับ