
ค่าเสียโอกาส… ในพอร์ตการลงทุนที่ถูกทิ้งร้าง
20/05/2025
เผยแพร่เมื่อ : 29 พฤษภาคม 2568
เมื่อพูดถึงคำว่า Minimalist หลายคนอาจนึกถึงการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ตัดสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกไป
แต่แท้จริงแล้วแนวคิด Minimalism ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น มันคือการ “เลือกใช้ชีวิตกับสิ่งที่จำเป็นและมีคุณค่า” โดยไม่ให้สิ่งของ ความคาดหวัง หรือเปลือกนอกของสังคมมาครอบงำความสุขที่แท้จริงของเรา
การนำแนวคิดนี้มาประยุกต์กับ การวางแผนเกษียณ คือการตั้งคำถามที่สำคัญว่า
ชีวิตหลังเกษียณที่ดีสำหรับเรา จริง ๆ คือแบบไหน ?
เป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยทรัพย์สินมากมาย การใช้ชีวิตหรูหรา หรือการมีบ้านหลังใหญ่ หรือ เป็นชีวิตที่มีอิสระจากความกังวลทางการเงิน อยู่แบบไม่ต้องดิ้นรน และยังคงมีคุณค่าและความสุขในแบบของตนเอง ?
แนวคิด Minimalist ในบริบทการวางแผนเกษียณ
แนวคิดนี้คือ
- รู้จักพอ ไม่ใช่มีเงินมากที่สุด แต่รู้ว่า “เท่าไรคือพอสำหรับเรา”
- ลดทอนภาระ ไม่ก่อหนี้โดยไม่จำเป็น ไม่แบกรับค่าใช้จ่ายที่เกินความจำเป็น
- เลือกลงทุนแบบมีสติ ไม่ตามกระแส ไม่โลภ และไม่กลัวจนเกินไป ใช้ความรู้และความเข้าใจเป็นที่ตั้ง
- ออกแบบชีวิตที่เรียบง่ายแต่มีความหมาย เช่น ใช้ชีวิตใกล้ธรรมชาติ ใช้เวลากับครอบครัว มีเวลาให้ตัวเองหรือทำงานอาสาที่สอดคล้องกับคุณค่าภายในตน
Minimalism คล้ายกับหลักธรรมะในเรื่องของ มัชฌิมาปฏิปทา (ทางสายกลาง) สันโดษ (ยินดีในสิ่งที่มี) และ การปล่อยวาง ซึ่งช่วยให้เราวางแผนชีวิตหลังเกษียณด้วยจิตใจที่สงบ และไม่หลงติดกับเปลือกของความสำเร็จ
เมื่อเราวางแผนเกษียณด้วยแนวทางนี้ เราจะไม่แค่ “มีเงินใช้” แต่ยัง “มีใจที่พร้อมจะใช้ชีวิต” อย่างแท้จริงด้วย
สี่เสาหลักของการวางแผนเกษียณแบบ Minimalist
1. รายจ่ายที่พอเหมาะ
หลายคนเข้าใจว่า เมื่อเกษียณแล้วจะต้องใช้เงินให้เท่ากับตอนทำงานหรือมากกว่าเดิม เพราะมีเวลาเที่ยวมากขึ้น ใช้ชีวิตมากขึ้น แต่ในความเป็นจริง วิถีชีวิตหลังเกษียณนั้นเรียบง่ายและใช้จ่ายน้อยลงกว่าที่คิด
การวางแผนการเงินที่ดีจึงควรตั้งเป้าค่าใช้จ่ายหลังเกษียณไว้อย่างเหมาะสม ซึ่งอาจน้อยกว่าค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน เพราะจะไม่มีค่าเดินทางไปทำงาน ค่าเสื้อผ้า หรือค่าใช้จ่ายเพื่อสังคมแบบที่เคยมีในวัยทำงาน รวมไปถึงลดของฟุ่มเฟือยลง เพื่อเพิ่มอิสระภาพทางการเงิน
ในการประเมินค่าใช้จ่ายรายเดือนหลังเกษียณ เราอาจจะลองนำค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน มาหักลบกับค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการทำงาน หรือถ้าหากว่า ไม่มีไอเดียเลย ก็อาจจะใช้ตัวเลข 70% ของค่าใช้จ่ายในปัจจุบันเป็น Guideline คร่าวๆ ได้ เช่น ปัจจุบัน ค่าใช้จ่ายรายเดือน 30,000 บาท ก็ประเมินค่าใช้จ่ายหลังเกษียณเป็น 21,000 บาท
2. รายได้ที่ยั่งยืน
ในการวางแผนเกษียณแบบ Minimalist รายได้ไม่จำเป็นต้องมากมาย แต่ควรมีความ มั่นคง ยั่งยืน และเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ที่เรียบง่าย
รายได้หลังเกษียณจึงไม่ใช่เรื่องของ จำนวนเพียงอย่างเดียว แต่คือ ความสามารถในการดำรงชีวิตโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น หรือกระทบต่อคุณภาพชีวิตที่ตั้งใจไว้
2.1 รายได้เชิงรับ (Passive Income) แบบพอเพียง
Passive Income ในบริบท Minimalist ไม่ใช่การสร้างระบบที่ซับซ้อนหรือเน้นผลตอบแทนสูงสุด หากแต่เป็นการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ให้สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอโดยไม่ต้องลงแรงมาก ตัวอย่างเช่น
- บำนาญประกันสังคม บำนาญข้าราชการ หรือบำนาญจากประกันบำนาญ
- ดอกเบี้ยหรือเงินปันผลจากการลงทุน กองทุนรวมความเสี่ยงต่ำ ตราสารหนี้ หุ้นปันผลที่มั่นคง
- ค่าเช่าทรัพย์สินที่มีอยู่แล้ว ปล่อยเช่าห้องที่ไม่ใช้ หรือที่ดินเปล่าทำเกษตรพอเพียง ต้องบริหารจัดการให้ง่าย ไม่เพิ่มภาระ ไม่สร้างหนี้ใหม่ด้วยการซื้อทรัพย์เพิ่มโดยไม่จำเป็น
- รายได้จากความถนัดหรือประสบการณ์ เช่น เขียนหนังสือ, ทำคอร์สออนไลน์, สอนพิเศษ, Youtuber, TikTok, ถักตุ๊กตา, ทำงานศิลปะ เป็น Semi-Passive ที่ใช้ทักษะที่มีติดตัวมาสร้างรายได้อย่างสมดุล
2.2 รายได้จาก “ชีวิตที่พอเพียง”
Minimalist มองว่า "การลดรายจ่าย" ก็เทียบได้กับ "การเพิ่มรายได้" เช่น
- การทำอาหารกินเอง การชงชากาแฟดื่มเอง
- การใช้ของที่มีอยู่จนกว่าจะพังแล้วค่อยซื้อใหม่ หรือ การซ่อมของใช้เอง
- การอยู่อย่างเรียบง่าย
- การไม่ซื้อของตามกระแส
ซึ่งทั้งหมดนี้คือ รายได้ในรูปแบบของ “อิสรภาพ” อิสรภาพจากการต้องหาเงินอย่างเหน็ดเหนื่อย และอิสรภาพจากการเป็นทาสของการบริโภค
3. เงินสำรองสำหรับด้านอื่นๆ เช่น สุขภาพ ที่อยู่อาศัย และยานพาหนะ
แม้การใช้ชีวิตแบบ Minimalist จะช่วยลดรายจ่ายไม่จำเป็นได้มาก แต่ก็ยังมีค่าใช้จ่ายบางส่วนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และต้อง วางแผนอย่างมีสติ เพื่อไม่ให้กลายเป็นภาระในภายหลัง โดยเฉพาะในสามด้านหลักคือ สุขภาพ ที่อยู่อาศัย และยานพาหนะ
3.1 ค่ารักษาพยาบาลและสุขภาพ
สุขภาพคือสิ่งที่ไม่แน่นอนที่สุดในวัยเกษียณ และเป็นค่าใช้จ่ายที่อาจสูงได้แม้ใช้ชีวิตเรียบง่าย วิธีเตรียมตัวเช่น
- เลือกโรงพยาบาลสำหรับรักษาในกรณีที่เป็นโรคร้ายแรงไว้ล่วงหน้า ทำประวัติไว้ เพื่อเตรียมพร้อมในยามฉุกเฉิน ให้เหมาะสม รวมถึงแจ้งคนในครอบครัวไว้ด้วย
- ทำความเข้าใจสิทธิ์รักษาพยาบาลของตัวเอง เช่น สวัสดิการข้าราชการ หรือสิทธิ์บัตรทอง
- ทำประกันสุขภาพที่คุ้มครองโรคร้ายแรงและค่ารักษาในโรงพยาบาลแบบเหมาะสมและพอประมาณ
- ทำประกันอุบัติเหตุ ผู้สูงอายุมีโอกาสเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุสูง จึงควรทำแบบมีค่ารักษาพยาบาลที่เหมาะสมและพอประมาณ
- จัดสรรกองทุนสำรองเพื่อดูแลสุขภาพเฉพาะ เช่น แยกเงินไว้ 300,000 – 500,000 บาท หรือ 500,000 - 1,000,000 บาท สำหรับค่ารักษากรณีเป็นโรคร้ายแรง (ขึ้นกับฐานะและความเสี่ยงส่วนบุคคล)
- ดูแลตัวเองเชิงป้องกัน ด้วยอาหาร การนอน การออกกำลังกาย และจิตใจที่สงบ ซึ่งช่วยลดโอกาสเจ็บป่วย
3.2 ค่าซ่อมแซมและดูแลที่อยู่อาศัย
บ้านที่อยู่นาน ย่อมมีค่าเสื่อมสภาพ ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้า ระบบน้ำประปา น้ำรั่วซึมที่หลังคา หรือปลวกกินไม้ รวมไปถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน แม้จะใช้ชีวิตเรียบง่าย แต่ก็ไม่ควรละเลยการดูแลบ้าน วิธีเตรียมตัวเช่น
- กันเงินไว้สำหรับซ่อมแซมระยะยาว เช่น 2% – 5% ของมูลค่าบ้านไม่รวมที่ดิน/ปี และเงินสำหรับซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า/ปี
เช่น ถ้าบ้าน 1.5 ล้านบาท ควรมีสำรอง 30,000–75,000 บาทต่อปีสำหรับดูแลรักษา, สำรอง 10,000-20,000 บาทต่อปีสำหรับซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า
- เลือกอยู่บ้านที่ดูแลง่าย เช่น บ้านชั้นเดียว คอนโดเล็กๆ หรือบ้านที่ไม่มีสวนที่ใหญ่เกินไป
- ตรวจเช็กระบบบ้านทุกปี เพื่อป้องกันปัญหาใหญ่ที่มาจากความละเลย
3.3. ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์
แม้ชีวิต Minimalist จะไม่จำเป็นต้องมีรถเสมอไป แต่สำหรับบางคน รถยนต์ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นในการเดินทางไปโรงพยาบาล ซื้อของ หรือเดินทางไปต่างจังหวัด วิธีเตรียมตัวเช่น
- เลือกรถให้เหมาะสมกับวัย ประหยัดน้ำมัน ซ่อมง่าย
- เตรียมงบค่าบำรุงรักษารายปี ประกันภัย, ภาษี, เปลี่ยนยาง, น้ำมันเครื่อง ฯลฯ เช่นปีละ 15,000–30,000 บาท โดยประมาณ
- พิจารณาทางเลือกอื่น เช่น บริการเรียกรถผ่านแอปฯ หรือการใช้ขนส่งสาธารณะ
4. จิตใจที่พร้อมเกษียณ
การเกษียณไม่ใช่แค่การหยุดทำงาน ... แต่คือการเริ่มต้นใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ที่ “ช้าลง ลึกขึ้น และมีความหมายมากขึ้น”
การเตรียมพร้อมไม่ได้มีแค่เรื่องเงินทอง แต่ที่สำคัญไม่แพ้กันคือการเตรียม สุขภาพกาย และ จิตใจ ให้รองรับกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิต
4.1. สุขภาพกาย วางรากฐานที่มั่นคงให้ชีวิตที่เหลือ
สุขภาพที่ดีไม่ได้มาจากโชค แต่เกิดจาก “วินัย” และ “ความไม่ประมาท” ในการดูแลร่างกายตั้งแต่วันนี้ แนวทางเตรียมตัวเช่น
- ตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อค้นหาความเสี่ยงล่วงหน้า
- ปรับพฤติกรรมการกิน ลดหวาน มัน เค็ม อาหารแปรรูป เพิ่มผักและอาหารธรรมชาติ
- ออกกำลังกายที่เหมาะสมกับวัย เช่น เดินเร็ว โยคะ ว่ายน้ำ หรือกิจกรรมเบา ๆ ที่ทำได้ทุกวัน
- พักผ่อนให้เพียงพอ นอนอย่างมีคุณภาพ ปรับเวลาชีวิตให้สมดุล
- จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย เช่น ปรับบ้านให้เหมาะกับวัย มีราวจับ ไม่มีพื้นที่เสี่ยงต่อการลื่นล้ม
4.2. สุขภาพใจ สงบจากข้างใน เมื่อไม่มี “บทบาท” เดิมอีกต่อไป
การเปลี่ยนผ่านจาก “คนทำงาน” มาเป็น “คนว่างงาน” อาจทำให้หลายคนรู้สึกว่างเปล่า ไม่รู้จะใช้ชีวิตเพื่ออะไร หากไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อน อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า เหงา หรือรู้สึกหมดคุณค่า แนวทางเตรียมตัว เช่น
- เรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเอง ฝึกสมาธิ สติ การอยู่เงียบ ๆ โดยไม่รู้สึกเหงา
- ตั้งเป้าหมายใหม่ในชีวิต เช่น ดูแลหลาน ปลูกผัก อ่านหนังสือ ท่องเที่ยวแบบเรียบง่าย หรือทำงานอาสา
- สร้างเครือข่ายที่เกื้อหนุน กลุ่มเพื่อนวัยเดียวกัน ชมรมธรรมะ หรือกลุ่มที่มีความสนใจร่วมกัน
- ทำใจกับความเปลี่ยนแปลง ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย รายได้ บทบาท และสังคม ด้วยใจเป็นกลาง
การเตรียมตัว “ตายดี” บทสุดท้ายที่งดงาม
การวางแผนเกษียณแบบ Minimalist ไม่ได้จบแค่การมีเงินพอ หรือสุขภาพดี แต่ยังต้องเผชิญกับ “ความจริงสุดท้าย” ที่ทุกคนต้องเจอ... นั่นคือความตาย
เป้าหมายของการเตรียมตัวตายดี ไม่ใช่เพื่อความกลัว แต่เพื่อ
- ทำใจยอมรับความจริงของชีวิต (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)
- ลดภาระให้คนข้างหลัง
- ดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท
- จากไปอย่างสงบ และไม่ยึดติด
แนวทางการเตรียมตัว “ตายดี”
1. เตรียมเอกสารสำคัญให้เรียบร้อย
- พินัยกรรม: แบ่งทรัพย์สินตามเจตนารมณ์ ลดปัญหาขัดแย้งให้คนข้างหลังหลังความตาย
- หนังสือแสดงเจตนาไม่ยื้อชีวิต (Living Will): หากไม่สามารถสื่อสารได้ ให้แพทย์ปฏิบัติตามความประสงค์
- บัญชีรายชื่อทรัพย์สิน: บัญชีธนาคาร, โฉนด, ประกัน, ทรัพย์สินลงทุนต่าง ๆ ฯลฯ พร้อมผู้ติดต่อ
2. ฝึกจิตใจให้พร้อมอยู่ พร้อมไป
- หมั่นภาวนา/เจริญสติ: ฝึกสังเกตลมหายใจ ความคิด และอารมณ์ เพื่อเข้าใจธรรมชาติของชีวิต
- ทำใจยอมรับความตายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ผลักไส ไม่ปฏิเสธ
- ลดความยึดมั่นในตัวตน ทั้งบทบาท ชื่อเสียง ฐานะ
- สะสางความสัมพันธ์ ขออโหสิกรรม หรือให้อภัยคนอื่น เพื่อจากไปโดยไม่มีเวร
3. ทำความดีสะสมไว้ล่วงหน้า
- แบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ ทรัพย์สินแก่ผู้อื่น
- สนับสนุนกิจกรรมสาธารณประโยชน์/ธรรมทาน
- สร้างมรดกทางปัญญา เช่น เขียนหนังสือ บันทึกธรรมะ แบ่งปันเรื่องเล่าชีวิต
- วางแผน “งานศพเรียบง่าย” ไว้ล่วงหน้า เช่น งานศพแบบไม่มีดอกไม้ราคาแพง ไม่เน้นพิธีกรรม
การเกษียณแบบ Minimalist ไม่ใช่การใช้ชีวิตให้น้อยลง แต่คือการเลือกสิ่งที่จำเป็น และตัดสิ่งที่ฟุ้งเฟ้อออกไป
เป็นการเตรียมพร้อมทั้งเงินทองที่พอเพียง, สุขภาพที่แข็งแรง, จิตใจที่สงบ มั่นคง, ความสัมพันธ์ที่เบาสบาย, และ การจากไปอย่างมีศักดิ์ศรี ใช้ชีวิตแบบมีธรรมะอยู่ในใจ เพื่ออยู่ให้ดี และไปให้สงบ
เพราะเกษียณไม่ใช่จุดสิ้นสุด...แต่คือจุดเริ่มต้นของ “ความเบา” ที่แท้จริง