
เทคนิคการจัดการงบประมาณและการใช้จ่าย : สำหรับผู้เกษียณอายุ
16/09/2025
ปรับปรุงล่าสุดเมื่อ : 22 ตุลาคม 2568
หากคุณมีการวางแผนการเงินและบรรลุเป้าหมายต่างๆ ได้ก่อนที่จะเกษียณอายุจากงานประจำ คุณอาจคิดว่าชีวิตคงจะสบายและเป็นไปตามฝัน คงไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่าการใช้เงินและใช้ชีวิตตามแผนที่วางไว้
แต่ในความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น การรีวิวแผนการเงินอย่างสม่ำเสมอ ก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ชีวิตหลังเกษียณสุขและยั่งยืนได้อย่างแท้จริง ทำไมน่ะเหรอคะ ? ลองมาดูกันค่ะ
กรณีศึกษาแผนการเงินหลังเกษียณ : นายแสนสุข
นายแสนสุข อายุ 58 ปี เกษียณมาตั้งแต่อายุ 55 ปี เป็นคนที่หมั่นเก็บออมและพยายามปิดหนี้ต่างๆ ก่อนที่จะเกษียณอายุ โดย นายแสนสุขมีเงินสำหรับเกษียณ 15 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน และวางแผนไว้ว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณ จนถึงอายุ 80 ปี ด้วยอัตราเงินเฟ้อของรายจ่ายทั่วไป 3% มีการแบ่งเงินออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
- ส่วนที่ 1 จำนวน 8.5 ล้านบาท : สำหรับรายจ่ายประจำทั่วไป เดือนละ 30,000 บาท เงินส่วนนี้บริหารจัดการด้วยการจัดพอร์ตการลงทุนและทยอยรับดอกเบี้ย/เงินปันผล หรือ ถอนมาใช้จ่าย โดยคาดหวังผลตอบแทนที่ 4%
- ส่วนที่ 2 จำนวน 5.5 ล้านบาท : สำหรับทยอยไว้จ่ายเบี้ยประกันชีวิตและสุขภาพ รวมถึงประกันโรคร้ายแรง ที่คำนวณจากเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายจริงตลอดสัญญาซึ่งคุ้มครองถึงอายุ 99 ปี เงินส่วนนี้นำไปลงทุนและคาดหวังผลตอบแทนประมาณ 2.5% ต่อปี
- ส่วนที่ 3 จำนวน 1 ล้านบาท : สำหรับค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินหรือการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ รวมทั้งการตรวจสุขภาพต่างๆ นอกเหนือจากความคุ้มครองของประกันที่ทำไว้ เงินส่วนนี้นำไปบริหารให้ได้ผลตอบแทนประมาณ 2.5% ต่อปี เช่นกัน
การจัดสรรเงินสำหรับหลังเกษียณในลักษณะนี้ มีการคำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อและอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งหากเป็นไปตามแผน น่าจะทำให้นายแสนสุขสามารถใช้ชีวิตได้ตามต้องการจนถึงอายุ 80 ปี (โดยจากการคำนวณ เมื่ออายุครบ 80 ปี จะยังมีเหลืออยู่อีกราว 1.2 ล้านบาท)
ซึ่งดูเผินอาจจะเห็นได้ว่า การเงินในวัยเกษียณของนายแสนสุขไม่น่าจะมีประเด็นน่าเป็นห่วงร้ายแรงแต่อย่างใด
ชีวิตอาจไม่เป็นไปตามแผนเสมอไป
ปัจจัยหลายอย่างในชีวิตสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และส่งผลกระทบต่อแผนการเงินที่เราวางไว้เมื่อหลายปีก่อนได้อย่างไม่คาดคิด ลองนึกถึงสถานการณ์เหล่านี้ดูสิ
- การลงทุนไม่ได้ตามเป้า : ผลตอบแทนจากการลงทุนที่เราคาดหวังไว้อาจไม่เป็นไปตามนั้นเสมอไป ตลาดหุ้นอาจผันผวนหรือการลงทุนบางอย่างอาจให้ผลตอบแทนน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจทำให้เงินเก็บของเราไม่เติบโตเพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาอัตราเงินเฟ้อ
- อายุขัยที่ยืนยาวขึ้น : ด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้คนมีอายุยืนยาวขึ้นกว่าในอดีตมาก หากเราวางแผนเกษียณโดยคิดว่าจะอยู่ถึงแค่ 80 ปี แต่สุดท้ายเรากลับมีอายุยืนถึง 90 หรือ 100 ปี เงินที่เราเตรียมไว้ก็อาจไม่เพียงพอสำหรับช่วงชีวิตที่เพิ่มขึ้นมา และที่สำคัญ การมีอายุที่ยืนยาวขึ้นนี้จะทำให้ผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อยิ่งส่งผลรุนแรงขึ้นด้วยอัตราเร่งของการทบต้นของยอดเงินที่ต้องถอนใช้จากเงินส่วนที่ 1 นั่นเอง
- ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป : บางทีชีวิตหลังเกษียณที่เราวาดฝันไว้กับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงก็แตกต่างกัน เคยวางแผนว่าหลังเกษียณคงใช้จ่ายน้อยลง มีค่าใช้จ่ายทางสังคมน้อยลง แต่ในความเป็นจริงอาจไม่ได้พักผ่อนอยู่บ้านเฉยๆ อาจมีค่าใช้จ่ายจากการเดินทางท่องเที่ยว การทำกิจกรรมหรืองานอดิเรกต่างๆ ที่ไม่เคยอยู่ในแผนมาก่อนก็เป็นได้ เพราะมนุษย์ยังคงเป็นสัตว์สังคมที่ต้องการการยอมรับและความภาคภูมิใจในตนเอง ไม่ว่าจะกับครอบครัว สังคม เพื่อนฝูง หรือลูกหลาน หรือบางคนอาจมีงานอดิเรกที่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้เพิ่มขึ้นจากความสนใจในสิ่งใหม่ ๆ ที่แต่เดิมไม่เคยคิดมาก่อน
- สถานการณ์ส่วนตัวและครอบครัว : อาจมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เช่น ต้องดูแลพ่อแม่ที่เจ็บป่วย หรือลูกหลานต้องใช้เงินจำนวนมากสำหรับการศึกษา แม้แต่ค่าใช้จ่ายที่เคยคิดว่าเป็นสิ่งเล็กน้อยในตอนที่เรายังมีรายได้ประจำ เช่น ค่าซ่อมแซมหรือจัดหาอุปกรณ์ไฟฟ้าชิ้นใหม่ใช้ในบ้าน จึงไม่ได้วางแผนเผื่อมาก่อน ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไม่ได้รวมอยู่ในแผนเกษียณ ทำให้เราต้องนำเงินเก็บมาใช้มากกว่าหรือเร็วกว่าเวลาอันควร
สิ่งที่อาจเกิดขึ้นในกรณีของนายแสนสุข
สำหรับนายแสนสุขก็เช่นกัน หลังจากเกษียณมาในช่วงแรก นายแสนสุขมีการใช้จ่ายที่เกินกว่าที่กำหนดเฉลี่ยแล้วตกเดือนละ 35,000 บาท ซึ่งคิดว่าไม่น่าเป็นอะไรแค่เกินไปเดือนละ 5,000 บาทเอง และขอยังไม่ทบทวนแผนการเงินเมื่อได้รับการติดต่อจากนักวางแผนการเงินเพื่อขอทบทวนแผนประจำปี
การทบทวนแผนครั้งแรกหลังจากผ่านไป 2 ปี นายแสนสุขได้ให้ข้อมูลดังกล่าว แต่ไม่สามารถแจ้งได้ว่ารายจ่ายในแต่ละเดือนหมดไปกับค่าอะไรบ้าง เนื่องจากละเลยการจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายตั้งแต่เกษียณมา นักวางแผนการเงินจึงทำประมาณการกระแสเงินสดล่วงหน้าให้กับนายแสนสุขว่า หากการใช้จ่ายยังคงเกินเช่นนี้ไปทุกเดือน ผลจะเป็นดังนี้
- เงินส่วนที่ 1 จะรองรับรายจ่ายได้จนถึงนายแสนสุขอายุ 76 ปี เท่านั้น หากต้องการใช้จ่ายเดือนละ 35,000 บาท คำนวณอัตราเงินเฟ้อปีละ 3%
- ณ อายุ 76 ปี เงินส่วนที่ 1 จะคงเหลือเพียงประมาณ 300,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนน้อยมากๆ
- สรุปคือการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเดือนละ 5,000 บาทนั้น ส่งผลให้นายแสนสุขอาจไม่สามารถเกษียณสุข จนถึงอายุขัยคาดการณ์ได้ เนื่องจากรายจ่ายที่มากเกินไป
คำแนะนำพิเศษจากนักวางแผนในปีนี้
- ให้นายแสนสุขจดบันทึกรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริง เพื่อจะได้ทราบว่ามีรายจ่ายประเภทใดบ้าง เพื่อที่จะได้ทำการวิเคราะห์และตัดทอนรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกได้อย่างตรงประเด็น
- ให้นายแสนสุขตั้งใจควบคุมรายจ่ายให้ได้ตามแผน หรืออย่างน้อยปรับลดรายจ่ายจาก 35,000 บาทลงมาเท่าที่พอจะทำได้
การทบทวนแผนครั้งที่สองในปีถัดไป
หลังจากการรีวิวแผนครั้งแรก นายแสนสุขตระหนักเรื่องการจัดการรายรับ-รายจ่ายขึ้นอย่างมาก ในการทบทวนแผนครั้งที่สองนี้ จึงทำบันทึกรายจ่ายส่งให้นักวางแผนการเงินช่วยวิเคราะห์ พร้อมแจ้งว่าที่ผ่านมาได้มีการไปเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาตนเอง
และได้รับการว่าจ้างจากบริษัท SME ให้เป็นที่ปรึกษาในเนื้องานเดิมที่นายแสนสุขมีประสบการณ์ โดยทำสัญญาจ้างเป็นปีต่อปี อัตราค่าจ้างเดือนละ 20,000 บาท เริ่มงานตอนอายุ 58 ปี โดยคาดว่าสามารถทำงานนี้ได้จนถึงอายุ 70 ปี
นักวางแผนการเงินได้ร่วมกับนายแสนสุขสรุปการใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยนายแสนสุขยืนยันว่าจะมีวินัยในการใช้จ่ายให้ได้ตามที่ตกลงกันไว้ที่เดือนละ 30,000 บาท และประเมินอัตราเงินเฟ้อที่ 3% เช่นเดิม
และได้มีการเพิ่มค่าใช้จ่ายสำหรับการเรียนรู้และพัฒนาตนเองแยกต่างหากปีละ 30,000 บาท ที่อัตราเงินเฟ้อ 5% ส่วนรายได้จากงานพิเศษนั้น กำหนดให้คงที่เดือนละ 20,000 บาท นับจากอายุ 58 ปี จนถึงอายุ 70 ปี
ซึ่งบทสรุปที่ได้จากการทบทวนแผนครั้งนี้คือ เงินทุนเกษียณที่มีคงเหลือ และแผนรายรับ-รายจ่ายใหม่นั้น จะสามารถรองรับรายจ่ายได้จนถึงอายุ 91 ปี (โดย ณ อายุ 91 ปี จะยังมีเงินคงเหลือประมาณ 600,000 บาท)
คำแนะนำพิเศษจากนักวางแผนในปีนี้
- ให้นายแสนสุขยังคงจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายที่เกิดขึ้นจริงอย่างมีวินัยต่อไป
- หากนายแสนสุขมั่นใจในการสร้างรายได้และมีเวลาที่พอจัดสรรได้ ก็แนะนำให้หางานจากหลาย ๆ แหล่ง เพื่อสร้างกระแสเงินสดได้เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ยังพอมีเรี่ยวแรงทำงานได้ และลดความเสี่ยงจากการเลิกจ้างเพราะสัญญาจ้างเป็นแบบปีต่อปี ซึ่งความมั่นคงค่อนข้างต่ำ
- ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์แบบ การที่เงินเพียงพอใช้จ่ายจากอายุ 80 ปี ไปเป็น 91 ปี ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ไม่ควรประมาทหากในอนาคตอายุขัยของคนไทยเราสูงขึ้นเรื่อย ๆ ณ วันหนึ่งอาจต้องกำหนดอายุขัยกันถึง 100 ปี
- ควรมีการทบทวนแผนการเงินกันทุกปี หรือทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อที่จะได้ทราบปัญหาและแก้ไขได้ทันท่วงที
บทสรุป: การเกษียณไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการวางแผนทางการเงิน
จากกรณีศึกษาของนายแสนสุข จะเห็นว่าแผนเกษียณที่เตรียมไว้เป็นอย่างดีแล้ว ถือว่าเป็นจุดตั้งต้นที่ดีมากๆ แต่ไม่ได้หมายถึงว่าจะดีตลอดไป ชีวิตคนเรามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งจากตนเอง คนใกล้ชิด สถานการณ์สิ่งแวดล้อมต่างๆ บางเรื่องก็เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงมาก่อน หรือแม้แต่การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น เกษียณอายุไปแล้ว อาจจำเป็นต้องหันกลับมามาศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม
การเกษียณอายุจากงานประจำเป็นเพียงการเริ่มต้นชีวิตบทใหม่ ที่ต้องมีการทบทวนและปรับปรุงแผนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าชีวิตหลังเกษียณของเราจะยังคงสุขสบายไปจนถึงบั้นปลาย แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น การทบทวนแผนการเงินช่วยให้เราเตรียมพร้อมสำหรับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นและทำให้เราสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที
ดังนั้น อย่ามองข้ามการทบทวนแผนการเงิน เพราะนี่คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้คุณมี "เกษียณสุข" ที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
ซึ่งการดูแลอย่างต่อเนื่องนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของ บริการวางแผนการเงินแบบองค์รวม ที่ Avenger Planner มอบให้กับลูกค้าทุกคนกันแบบยาวๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ดูแลกันไปตลอดจนสิ้นอายุขัยกันเลยทีเดียวค่ะ
บทความที่แนะนำให้อ่านเพิ่มเติม
Avenger Planner มีบทความที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับชีวิตหลังเกษียณ ซึ่งอยากแนะนำให้อ่านเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ
- ปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลให้การเงินหลังเกษียณไม่เป็นไปตามแผน สามารถอ่านได้จากบทความเรื่อง “ชีวิตจริงหลัง F.I.R.E. : เมื่อเกษียณเร็วอาจมีราคาที่ต้องจ่าย”
- บทความเรื่อง “ทำงบประมาณเงินสดหลังเกษียณด้วยตนเอง” ที่ช่วยให้ทุกคนสามารถวางแผนการใช้เงินได้แบบยาวๆ ไปจนสิ้นอายุขัยด้วยตนเอง ในบทความนี้จะมีไฟล์ Excel ให้ลองใส่ตัวเลขดูเพื่อที่จะเห็นภาพว่าเงินที่มีอยู่จะรองรับการใช้จ่ายไปได้ถึงอายุเท่าไร ตามไลฟ์สไตล์ที่ทุกคนกำหนดเอง