
กรณีศึกษา : เกษียณสุขแล้ว แต่ทำไมยังต้องรีวิวแผนการเงิน ?
22/10/2025
ปรับปรุงล่าสุดเมื่อ : 18 พฤศจิกายน 2568
เคยสะดุดกับประโยคว่า "Passive Income อยู่เฉยๆ ก็มีรายได้ต่อเนื่องไม่มีหยุด" กันรึเปล่าคะ ?
หากเปิด YouTube หรือ Social Media บ่อยครั้งจะเจอคำเชิญชวนให้มาสร้าง "Passive Income" พร้อมกับภาพสวยหรูของหลายๆ คนที่พูดว่า "นั่งกินลมชมทะเล มีเงินไหลเข้าบัญชีแบบตลอดๆ"
แต่ความจริงแล้ว นั่นอาจเป็นเพียง Marketing Gimmick ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Passive Income
จากประสบการณ์ให้คำปรึกษากับลูกค้าที่มาวางแผนการเงินของผู้เขียน พบว่าหลายคนมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่อง Passive Income ซึ่งอาจทำให้พวกเขาตัดสินใจผิดพลาดและส่งผลเสียต่อการวางแผนการเงินในระยะยาว
บทความนี้จึงขอพาทุกท่านไปเจาะลึกความเข้าใจผิดดังกล่าวกันค่ะ
ความแตกต่าง ระหว่าง Active Income vs Passive Income
ก่อนจะไปคุยเรื่อง Passive Income เรามาทำความเข้าใจเรื่อง Active Income กันก่อน
Active Income คือรายได้ที่เกิดขึ้นจากการแลกแรงงาน เวลา และความรู้ความสามารถของคุณโดยตรง เช่น
- เงินเดือนจากการทำงาน
- รายได้จากการขายสินค้า
- ค่าจ้างจากการให้คำปรึกษา
- กำไรจากการซื้อขายหุ้นแบบ Trading ที่ต้องลงแรงบริหารจัดการ
ลักษณะสำคัญของ Active Income คือ "หยุดทำ = หยุดได้เงิน" คุณต้องใช้เวลาและแรงงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้รายได้
ส่วนความหมายของ Passive Income ในความเข้าใจที่ผิด คือรายได้ที่ไหลเข้ามาโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ในความเป็นจริงแล้ว คำที่ถูกต้องกว่าควรจะเป็น "Asset Income"
Asset Income ชื่อที่สะท้อนความเข้าใจที่ถูกต้องมากกว่า
Asset Income คือรายได้ที่เกิดจาก Asset หรือสินทรัพย์ที่คุณสร้างขึ้นหรือลงทุนไว้ ไม่ใช่รายได้ที่เกิดขึ้นได้เองโดยปราศจากการดูแล
ทั้งนี้ Asset Income มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจาก Active Income คือ เกิดจาก Asset ที่คุณสร้างขึ้นหรือลงทุนไว้แต่ไม่จำเป็นต้องแลกเวลาแบบ 1:1 เหมือน Active Income
คือคุณไม่จำเป็นต้องลงทุนเวลาไปเฝ้าจัดการมันตลอดเวลา เพราะตัวมันมีศักยภาพที่จะสร้างรายได้ด้วยตัวของมันเองอยู่พอสมควร ในขณะที่คุณละมือหรือละสายตาจากมัน
แต่อย่างไรก็ตาม Asset Income นั้นๆ ก็ยังคงต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่องอยู่ดี และมีความเสี่ยงที่ Asset อาจเสื่อมค่าหรือไม่สามารถสร้างรายได้ตามที่คาดหวังได้เช่นกัน
ประเภทของ Asset Income และข้อควรทราบ
เมื่อพูดถึง Asset Income เราสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทจะมีระดับการดูแลและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน
1. Real Estate Assets : ผลตอบแทนดีแต่ต้องดูแลและใช้ทักษะการจัดการ
- การให้เช่าบ้านหรือคอนโด เป็น Asset ที่คุณต้องหาผู้เช่า ดูแลการซ่อมแซม และจัดการสัญญาเช่าอย่างต่อเนื่อง แม้จะได้ค่าเช่าประมาณ 4-8% ต่อปีของมูลค่าที่ซื้อ แต่ก็มีความเสี่ยงจากห้องว่าง ผู้เช่าที่สร้างความเสียหาย หรือราคาอสังหาริมทรัพย์ที่อาจลดลงในอนาคต
- การลงทุนที่ดิน เป็น Asset ที่คุณต้องดูแลที่ดินและติดตามการพัฒนาพื้นที่รอบข้าง รายได้หลักมาจากกำไรจากการขายในอนาคต ในระหว่างที่ถือครองอาจจะไม่มีรายได้เข้า หรือที่ดินบางแปลงก็อาจพอปล่อยเช่าได้บ้าง โดยมีความเสี่ยงที่อาจขายไม่ได้ในเวลาที่ต้องการ (ขาดสภาพคล่อง)
2. Business Assets : ผลตอบแทนสูงแต่ต้องใช้ความสามารถและมีความเสี่ยงที่สูงตาม
- ลิขสิทธิ์และ Royalty Fee คุณต้องเริ่มจากการสร้างแบรนด์ / คอนเทนต์ และทำการประชาสัมพันธ์ รายได้มาจากค่า Royalty Fee จากผลงาน แต่มีความเสี่ยงจากความนิยมที่อาจลดลงและคู่แข่งที่เพิ่มขึ้น
- E-commerce และ Digital Products ต้อง Update สินค้า ดูแลระบบ และจัดการ Customer Service รายได้มาจากกำไรจากการขายสินค้าหรือบริการ แต่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงและแพลตฟอร์มที่อาจเปลี่ยนนโยบาย
- ธุรกิจแฟรนไชส์ เป็น Asset ที่ต้องดูแลและบริหารจัดการ คัดเลือกพนักงาน และควบคุมคุณภาพการให้บริการ ถึงแม้จะได้กำไรจากธุรกิจสูง และได้พลังทวี (Leverage) จากผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์ไปดำเนินการ แต่ก็มีความเสี่ยงจากการแข่งขันที่สูงและเปลี่ยนแปลงตลอด (สังเกตได้จากหลายแบรนด์แฟรนไชส์ที่เคยมีชื่อเสียงในอดีต แต่ปัจจุบันไม่ถูกกล่าวถึงอีกต่อไปแล้ว)
3. Financial Assets : ผลตอบแทนมาพร้อมความรู้ ประสบการณ์และความเข้าใจที่ถูกต้อง
- หุ้นปันผล เป็น Asset ที่คุณต้องติดตามผลประกอบการบริษัทและทำการปรับพอร์ตเป็นระยะ รายได้ที่คาดหวังอาจได้อยู่ที่ 3-6% ต่อปีจากเงินปันผล แต่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับความเสี่ยงจากราคาหุ้นที่ผันผวนและความเป็นไปได้ที่บริษัทอาจไม่จ่ายปันผล รวมถึงการที่ถือไปยาวๆ ธุรกิจอาจเสื่อมถอยถึงขั้นเลิกกิจการ ทำให้ราคาหุ้นกลายเป็น 0 หรือลดต่ำลงมากได้
- REITs หรือ Real Estate Investment Trusts ให้รายได้จากเงินปันผลประมาณ 5-8% ต่อปีจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ความเสี่ยงหลักคือราคาหน่วย NAV ที่ผันผวนตามตลาดอสังหาริมทรัพย์ และสภาวะเศรษฐกิจ อาคารบางแห่งอาจเสื่อมความนิยม ผู้เช่ารายใหญ่ไม่ต่อสัญญาเช่า และบาง REITs มีอายุจำกัด เมื่อถือจนครบอายุเงินที่ลงทุนจะกลายเป็น 0 ได้ เช่นกัน
- พันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้ เป็น Asset ที่ได้รายได้จากดอกเบี้ยคงที่ราว 1-4% ต่อปี แม้เสี่ยงต่ำแต่ต้องระวังความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่อาจทำให้ผลตอบแทนจริงลดลง เพราะหากซื้อหุ้นกู้แล้วถือไปยาวๆ เมื่อได้เงินต้นคืน จะได้เท่ากับมูลค่า ณ วันที่เริ่มลงทุน ซึ่งอาจจับจ่ายซื้อของได้น้อยลงมากแล้วในอนาคต และยังมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัท
หลักการสร้าง Asset Income อย่างมีประสิทธิภาพ
- เริ่มต้นจาก Active Income ที่แข็งแกร่ง ก่อนจะสร้าง Asset ได้ คุณต้องมี Cash Flow จาก Active Income ที่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายและเงินลงทุน ไม่มีใครสร้าง Asset จากศูนย์ได้
- เลือก Asset ที่เหมาะกับความเสี่ยงที่รับไหว Asset ที่ให้ผลตอบแทนสูงมักมีความเสี่ยงและต้องการการดูแลมากกว่า ประเมินตัวเองให้รู้ว่าคุณพร้อมจะดูแล Asset ในระดับไหน
- Diversification คือกุญแจสำคัญ อย่าใส่ไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว กระจาย Asset Income หลายประเภท เพื่อลดความเสี่ยง และใน Asset ประเภทเดียวกัน ก็ควรกระจายหลายแห่งหรือหลายหลักทรัพย์ด้วย เช่นกัน
- เตรียมพร้อมสำหรับ Maintenance Cost ทุก Asset มีค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการดูแลบำรุงรักษา ทั้ง 1) ตัวเงินที่ต้องจ่ายออกไปจริงๆ 2) เวลาที่ต้องใช้ และ 3) ต้นทุนทางจิตใจที่ต้องรับมือกับความกังวลและปัญหาต่างๆ ในระหว่างทาง
- มองระยะยาวและอดทน การสร้าง Asset Income ที่แท้จริงต้องใช้เวลาหลายปี เกิดจากการทยอยสะสมอย่างมีแผนและตั้งใจ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืนราวกับเปิดสวิทซ์ ซึ่งในระหว่างเส้นทางการสะสม Asset นั้น คุณก็จะได้สะสมและพัฒนาทักษะในการจัดการมันไปด้วย
ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง
ความเข้าใจผิดที่ 1 : คิดว่าสร้างครั้งเดียวแล้วปล่อยทิ้งไว้ได้
ความจริง : ทุก Asset ต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่อง ไม่มี Asset ไหนที่ "Set and Forget" ได้ 100%
ความเข้าใจผิดที่ 2 : คิดว่า Passive Income ไม่มีความเสี่ยง
ความจริง : Asset Income มีความเสี่ยงที่หลากหลาย ตามลักษณะเฉพาะของ Asset นั้นๆ อย่าเชื่อใครที่บอกว่า "ปิดประตูขาดทุน" ง่ายๆ
ความเข้าใจผิดที่ 3 : คิดว่าสามารถหยุดทำงานได้ทันทีเมื่อมี Passive Income
ความจริง : ควรรอจนกว่า Asset Income จะมีความมั่นคง และครอบคลุมค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน โดยที่มีส่วนเผื่อมากกว่าจำนวนขั้นต่ำที่คุณต้องการประมาณหนึ่ง และต้องสามารถยืนระยะได้นานจนคุณมั่นใจ ก่อนตัดสินใจลาออกหรือหยุดทำงาน
Asset Income = เป้าหมายที่คุ้มค่า แต่ต้องเข้าใจให้ถูกต้อง
โดยสรุปนั้น Asset Income เป็นเครื่องมือทรงพลังในการสร้างความมั่นคงทางการเงิน แต่มันไม่ใช่ "เงินฟรีที่ไหลมาเอง" อย่างที่หลายคนเข้าใจ
การสร้าง Asset Income ที่สำเร็จต้องอาศัยการวางแผนที่รอบคอบ การลงทุนเวลาและเงินในช่วงแรก การดูแลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงต้องมีความอดทนมุ่งมั่นระยะยาว
หากคุณเข้าใจหลักการนี้และพร้อมที่จะลงมือทำอย่างจริงจังแล้วเมื่อไร Asset Income นั้นก็จะกลายเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับอิสรภาพทางการเงินของคุณต่อไปในอนาคตได้นั่นเองค่ะ
ทำเองได้นั้นย่อมดีที่สุด แต่การมีตัวช่วยก็เป็นอีกทางเลือก
สำหรับผู้ที่เข้าใจความสำคัญของ Asset Income แต่ไม่มีเวลาหรือความเชี่ยวชาญในการจัดการด้วยตัวเอง การใช้บริการจากมืออาชีพ ควบคู่ไปกับการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถร่วมตัดสินใจได้อย่างรู้เท่าทัน ก็อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
บลป. Avenger Planner มีทีมนักวางแผนการเงินที่มีความรู้ และประสบการณ์ ทุกคนได้รับใบอนุญาตผู้วางแผนการลงทุน (IP License) จากสำนักงาน ก.ล.ต. และหลายๆ คนได้รับการรับรองคุณวุฒิ CFP® และ AFPT™ โดยสมาคมนักวางแผนการเงินไทย ภายใต้ลิขสิทธิ์จาก Financial Planning Standards Board
ซึ่งพวกเราพร้อมที่จะเข้ามาช่วยวางแผนและออกแบบ Portfolio ของ Asset Income ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และเป้าหมายของคุณในฐานะที่ปรึกษา โดยคุณยังคงมีอำนาจในการตัดสินใจต่างๆ อย่างเต็มที่ค่ะ





