ท่านผู้อ่านหลายท่านน่าจะเคยได้ยินคำว่า “Stress Test” หรือ “Stress Testing” มาบ้างนะครับ
การทำ Stress Test นั้น คือการทดสอบระบบอะไรสักอย่าง ภายใต้สถานการณ์ที่ “Stressful” หรือ “รุนแรงอย่างสุดขั้ว” ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าว แม้จะไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่ถ้าเกิดก็จะทำให้เสียหายได้มาก
การทำ Stress Test นั้นก็เพื่อจะจำลองสถานการณ์ดูว่า เมื่อเกิดแล้ว
ซึ่งก็มีการประยุกต์ใช้ในหลายวงการ เช่น
จากตัวอย่างการประยุกต์ใช้ในหลายๆ วงการข้างต้น ตัวอย่างที่ใกล้เคียงกับบทความนี้ที่สุด ก็คือการทำ Stress Testing ของภาคการธนาคาร ซึ่งมักจะดำเนินการโดยธนาคารพาณิชย์ ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารกลางของประเทศต่างๆ เพื่อทดสอบว่าระบบธนาคาร จะสามารถรับ เหตุการณ์สุดโต่งต่างๆ ได้เพียงใด เช่น
ทั้งนี้ก็เพื่อพยายามจะป้องกันปัญหาใหญ่ ก่อนที่จะเกิดขึ้นนั่นเอง
จะเห็นว่า เหตุการณ์สุดโต่งต่างๆ เชิงมหภาค (Macro Scale) ข้างต้น ก็มีโอกาสเกิดในระดับจุลภาค (Micro Scale) ในระดับของการเงินส่วนบุคคล (Personal Finance) ได้เช่นกัน
ความเสียหายระดับการเงินส่วนบุคคลนี้ แม้อาจไม่ลุกลามเป็นวงกว้าง แต่ถ้าเกิดเหตุขึ้นมา ก็อาจกระทบกับสถานะการเงินของบุคคลและครอบครัวนั้นๆ ให้เสียหาย ล่มจมได้มาก และในบางกรณีอาจลุกลามไปมากกว่าความเสียหายทางการเงิน แต่เกิดเป็นความเสียหายไปถึงจิตใจ ร่างกาย และร้ายแรงไปจนถึงชีวิตของบุคคลนั้นๆ ได้
ในการวางแผนการเงินทั่วไป ไม่ว่าจะทำด้วยตนเอง หรือ ใช้บริการจากนักวางแผนการเงิน นั้น มักจะต้องมีขั้นตอนมาตรฐานในการประเมินสถานะการเงินของตนเองในเบื้องต้น เช่น
ซึ่งสำหรับลูกค้าของ บลป. Avenger Planner นั้น ก็จะได้รับผลการประเมินสุขภาพทางการเงินเบื้องต้น ดังตัวอย่างในรูปด้านล่างนี้
ซึ่งจากรูป ก็จะเห็นว่ามีการประเมินสุขภาพการเงินในหลายมิติ โดยแต่ละมิติก็มีเกณฑ์มาตรฐานที่ควรจะต้องทำให้ได้อยู่แล้ว หากทำได้ก็น่าจะช่วยป้องกันปัญหาได้แล้วไม่ใช่หรือ ?
คำตอบคือ บางครั้งมิติที่ประเมินขึ้นโดยใช้เกณฑ์ทั่วๆ ไป และ ค่ามาตรฐานที่นำมาใช้ อาจไม่ครอบคลุมเหตุการณ์ “Stressful” ได้ทั้งหมด และ เหตุการณ์สุดโต่งบางอย่าง อาจเกิดเฉพาะกับบางบุคคลเท่านั้น
จึงจำเป็นต้องมีการ ทดสอบพิเศษ ที่ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะแยกต่างหาก ที่เรียกว่า Stress Testing นั่นเอง
ขั้นตอนหลักๆ จะมีทั้งสิ้น 5 ขั้นตอน ได้แก่
1) รวบรวมข้อมูลและจัดทำงบการเงิน ณ ปัจจุบันก่อน
หรืออาจกล่าวได้ว่า การจะทำ Stress Test ได้นั้น เราต้องมีข้อมูลปัจจุบันที่พร้อม ต้องเข้าใจสถานะการเงินของตนเองทั้งหมดอย่างถ่องแท้ โดยมีการจัดทำงบการเงินทั้ง งบดุล และ งบกระแสเงินสด เป็นข้อมูลขั้นต่ำที่ต้องมี
ข้อมูลในระดับที่ซับซ้อนขึ้น ซึ่งจะช่วยให้สามารถทำ Stress Test ได้ละเอียดถี่ถ้วนขึ้น อาทิ
จะเห็นว่าเพียงแค่ขั้นตอนแรกนั้น ก็มีความยาก และใช้เวลามากพอสมควร สำหรับท่านที่ไม่มีข้อมูลที่พร้อมอยู่ก่อนนะครับ
2) กำหนด Test Scenario ที่เหมาะกับแต่ละบุคคล
Test Scenario คือ การระบุเหตุการณ์สุดโต่งขึ้นมา ว่าเหตุการณ์ใดที่มีโอกาสเกิดขึ้นกับเราแล้วทำให้เกิดผลรุนแรง ซึ่งนอกจากระบุเหตุการณ์แล้ว จะต้องมีการระบุผลกระทบด้วยว่า เหตุการณ์ดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อการเงินของเราอย่างไร ดังตัวอย่างด้านล่างนี้
จะเห็นว่าขั้นตอนที่สองนี้ จำเป็นต้องใช้จินตนาการมากสักหน่อย ซึ่งถ้าได้ประสบการณ์ของนักวางแผนการเงินที่เคยเห็นเคสสุดโต่งในลักษณะต่างๆ ที่หลากหลายมาช่วย ก็จะทำให้คิด Test Scenario ได้เหมาะสมกับสถานการณ์ของแต่ละคนได้มากขึ้น
โดยแต่ละคนนั้น อาจมี Test Scenario มากกว่า 1 สถานการณ์ ก็เป็นได้ครับ
3) จำลองการเกิด Test Scenario กับงบการเงิน
ในขั้นตอนนี้ เราจะทำการแปลง Test Scenario ต่างๆ นั้นมาเป็น ข้อมูลเชิงปริมาณ หรือ เชิงตัวเลข เพื่อนำไป Input เข้าในงบการเงิน เพื่อ จำลองเหตุการณ์ (Simulation) ว่าหากเกิดเหตุดังกล่าวขึ้นนั้น งบการเงินและสถานะการเงินต่างๆ ที่เรารวบรวมไว้ในขั้นตอนที่ 1 จะเปลี่ยนไปอย่างไร
ซึ่งในขั้นตอนนี้จำเป็นที่ผู้จัดทำ Stress Test จะต้องมีทักษะในการจัดทำงบการเงิน และการทำ Financial Projection เพื่อให้สามารถสะท้อนเหตุการณ์ต่างๆ ลงไปในงบการเงินได้อย่างถูกต้อง ทั้งในเชิงมูลค่า และในเชิงจังหวะเวลา เช่น
รวมถึงต้องสามารถคำนวณเชื่อมโยงผลกระทบ จากการเปลี่ยนแปลง ณ จุดใดจุดหนึ่ง หรือหลายจุดในงบการเงิน ว่าจะมีผลต่อจุดอื่นๆ อย่างไร
4) อ่านและวิเคราะห์ผล
ขั้นตอนต่อมาคือการอ่านและวิเคราะห์ผล ว่าจากการ Simulation ในขั้นก่อนหน้านั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น รุนแรงมากน้อยเพียงใด เพราะไม่ใช่ทุกปัญหาที่จะมีความรุนแรงถึงขั้นคอขาดบาดตาย
5) หาแนวทางป้องกันหรือจัดการ
เมื่อทราบผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแล้ว เราก็จะมาหาแนวทางในการจัดการกันต่อไปครับ เพราะโชคดีที่ผลดังกล่าวนั้น เป็นเพียงการ Simulation ในคอมพิวเตอร์หรือในกระดาษเท่านั้น ตอนนี้เหตุการณ์ยังไม่เกิด เรายังพอมีเวลาที่จะคิดไตร่ตรองอย่างมีสติ เพื่อเตรียมการเอาไว้ก่อน
ซึ่งแนวทางการจัดการ ก็จะขึ้นอยู่กับเหตุการณ์และผลการวิเคราะห์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีสูตรสำเร็จที่บอกได้ล่วงหน้า ว่าเหตุการณ์แต่ละอย่างต้องจัดการอย่างไร แต่หากอ้างอิงจากตำราการบริหารความเสี่ยง ก็มักจะหนีไม่พ้น เทคนิค 4 อย่างนี้
ท่านผู้อ่านคงเคยได้ยินประโยคว่า “พึงใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท” กันนะครับ
เทคนิค Stress Testing นี้ น่าจะเป็นแนวทางที่เป็นรูปธรรมแบบหนึ่ง ในการบรรลุซึ่ง “ความไม่ประมาท” ดังกล่าวได้ ไม่มากก็น้อย
ผมในนามผู้ร่วมก่อตั้ง และ CEO ของ บลป. อเวนเจอร์ แพลนเนอร์ จำกัด ขอให้ทุกท่านมีชีวิตการเงินที่ดี ดำรงอยู่ในความไม่ประมาท มีความมั่นคงตั้งแต่วันนี้ และมีอนาคตการเงินที่สดใสในวันข้างหน้าต่อไปนะครับ
หากได้อ่านบทความนี้แล้ว ได้เห็นประโยชน์ในการวางแผนการเงิน รวมถึงการทำ Stress Testing ที่ผมนำมาเล่าให้ฟัง แต่คิดว่ายังไม่สามารถทำเองได้ทั้งหมด ผมอยากเรียนเชิญให้ทุกท่านได้มาลองใช้บริการวางแผนการเงินกับพวกเราดูนะครับ
ทีมงาน Avenger Planner ทุกๆ คนล้วนเป็นผู้เห็นประโยชน์ของความรู้ทางการเงิน และล้วนเคยได้รับประโยชน์จากการใช้ความรู้นี้มาแล้วทั้งสิ้น
ผลดีที่พวกเราเคยได้รับกับตัว จึงเป็นแรงผลักดันชั้นเยี่ยม ที่ทำให้พวกเราอยากขออาสามาทำงานนี้ให้กับทุกๆ ท่านด้วยครับ