
ทำไมจึงเคลมประกันสุขภาพไม่ได้ และจะป้องกันอย่างไร ?
04/06/2025
เผยแพร่เมื่อ : 9 มิถุนายน 2568
คู่มือชีวิต Multi-Income โดยนักวางแผนการเงิน
จากเดิมที่ งานประจำ = ความมั่นคง กำลังเปลี่ยนแปลงไป คนรุ่นใหม่จึงมองหาการสร้างรายได้เสริมจากสิ่งที่รัก เพื่อให้ชีวิตไปได้ไกลขึ้น และถึงเป้าหมาย อิสรภาพทางการเงิน เร็วขึ้น แต่การมีรายได้หลายทางก็มาพร้อมความท้าทาย
- ⏳เวลาไม่พอ งานหลัก งานเสริม ชีวิตส่วนตัว ไม่สมดุล
- 💸การเงินซับซ้อน ภาษี เอกสาร รายรับรายจ่ายที่วุ่นวาย
- 🔥หมดไฟ เมื่อ Passion ที่เคยรักกลายเป็นภาระ
บทความนี้ผู้เขียนถอด Insight ที่ได้จากการสัมภาษณ์กลุ่มคนที่มีรายได้หลายทาง บางท่านที่สัมภาษณ์มีรายได้สูงสุดถึง 8 ช่องทาง และมีรายได้เสริม 10–50% ของรายได้ทั้งหมด เพื่อเป็นไอเดียให้คุณบริหาร “เวลา” และ “เงิน” ได้อยู่หมัด
รายได้เสริมสุดฮิตของ Generation นี้
Image by drobotdean on Freepik
ในยุคดิจิทัลการสร้างรายได้เสริมไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ แต่การทำให้ยั่งยืนคือความท้าทาย ลองดูตัวอย่างอาชีพเสริมยอดนิยมพร้อมเทคนิคบริหารกัน
- ขายของออนไลน์ : ผ่าน TikTok Shop, Shopee หรือ Instagram
- Content Creator : ยูทูบเบอร์, ติ๊กต็อกเกอร์ หรือช่องทางอื่นๆ
- ฟรีแลนซ์สายวิชาชีพ : ผลิตงานเขียน, ออกแบบกราฟิก, โค้ดดิ้ง, ตัวแทนประกัน หรือแม้แต่นักวางแผนการเงินก็อยู่ในหมวดนี้นะคะ
- Online Tutor หรือผลิต E-learning : สอนภาษา, ติวสอบ หรือ Soft Skills ต่างๆ
- Gig Economy : เช่น ขับแกร็บ, ส่งของ หรือส่งอาหาร
- งานฝีมือ DIY : ของตกแต่ง, เครื่องประดับ, ทำขนมขาย หรือทำธุรกิจ Print on Demand
💡 Insight : คนที่เดินเส้นทาง Multi-Income ได้ยั่งยืน มักมี “รายได้หลักที่มั่นคง” เป็นฐานให้ใจไม่แกว่งก่อน แล้วค่อยเติมงานเสริมที่ตอบโจทย์ด้าน Passion หรือเป้าหมายระยะยาว
💡 คำแนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น
- เริ่มจากตั้งเป้าเล็ก เช่น ลองทำอย่างเต็มที่ให้ได้ 6 เดือน หรือ หาลูกค้าให้ครบ 10 คน แทนการคาดหวังรายได้ทันที เพื่อดูว่าใช่สิ่งที่อยากทำไหม จะได้ไม่รู้สึกกดดันเกินไป และได้รู้จักมุมต่างๆ ของงานที่เราเลือก
- ขยายตลาดเมื่อพบว่าเป็นงานที่ใช่ เช่น เป็นวิทยากรที่ได้เสียงตอบรับดี ก็สร้างแบรนด์ของตัวเองเพื่อรับงานนอกบริษัทที่สังกัด หรือ Content Creator ลองทำเนื้อหาแนวอื่นขยายไปยังตลาดใหม่ หรือจากรับของมาขายก็อาจจะสร้าง Brand ของตนเองขึ้นมา
- เลือกเส้นทางที่ “ใช่” ก่อนหวัง “รวย” เพราะอะไรที่เราทำได้ต่อเนื่อง มักนำพาผลลัพธ์ที่ดีเสมอ
เวลา = ทรัพยากรที่มีจำกัด บริหารให้ได้แบบมืออาชีพ
การมีหลายแหล่งรายได้ย่อมมาพร้อมกับ Deadline ที่มากขึ้น ทำยังไงไม่ให้พลาดและไม่ให้ Passion กลายเป็น Burnout นี่คือเคล็ดลับ Time Management แบบคนทำงานหลายหมวกค่ะ
1. ใช้เครื่องมือจัดการเวลาที่ใช้ได้จริงกับตัวเรา เช่น
- Time Blocking: ลองแบ่งเวลาสำหรับกิจกรรมต่างๆ ให้ชัดเจน มาดูตัวอย่างการจัดการตารางจริง จากผู้มีรายได้หลายทางเพื่อเป็นไอเดียค่ะ
- คนมีงานประจำ เวลาทำงานชัดเจน เช้า ออกกำลังกาย หรือฝึกทักษะใหม่ๆ | ระหว่างอาบน้ำหรือเดินทาง ฟัง Podcast อัพเดตข่าวสารและความรู้ | เย็น บล็อกเวลา 2 ชม. เพื่องานเสริมหลังใช้เวลากับครอบครัว
- คนมีตารางงานไม่แน่นอน ลงตารางงานที่ต้องทำตามช่วงเวลาให้ชัดเจนก่อนลำดับแรก จากนั้นระบุ Deadline ของงานอื่นๆ แล้วค่อยจัดเวลาสำหรับทำแต่ละงาน
- Routine & Focus : กำหนดเวลาเดิมซ้ำๆ ทุกวัน สำหรับงานสำคัญที่ยากที่จะเริ่ม และลงมือทำจนเป็นนิสัย เช่นผู้เขียนเองที่งานแน่นๆ ก็ต้องกำหนดเวลาทำแผนการเงินลูกค้าในช่วง 2-3 ทุ่มทุกวัน พอได้เริ่มลงมือแล้ว เข้าสู่ Flow State แล้วก็จะได้ผลงานที่ดีค่ะ บางคนก็เอาไปใช้กับการออกกำลังกาย ถึงจะขี้เกียจยังไง 10 โมงก็ต้องถึงฟิตเนส เป็นต้น
- Batching งาน : รวบงานประเภทเดียวกันมาทำพร้อมกัน เช่น ตอบแชท ตอบอีเมลในช่วงเวลาเดียวกันเท่านั้น หรือกำหนดช่วงเวลาตัดยอดส่งของ และแจ้งลูกค้าให้ชัดเจน เพื่อลดการสลับไปทำงานต่างๆ ระหว่างวัน เพราะงานจุกจิกเหล่านี้จะทำให้หลุดโฟกัสจากการสร้างสรรค์งานได้
- ใช้เวลาช่องว่าง (Gap Time) : แบ่งงานที่ต้องทำออกเป็นส่วนเล็กๆ เพื่อทำในช่วงเวลาว่างระหว่างวัน เช่น เวลาพักระหว่างประชุมหรือสัมมนาก็ทยอยตัดต่อคลิปที่เตรียม Footage ไว้แล้ว หรือระหว่างรอลูกเรียนพิเศษก็ร่างโพสหรืองานเขียนงานสร้างสรรค์ต่างๆ ซึ่งจะใช้เทคนิคนี้ต้องเริ่มจากแบ่งงานเป็นส่วนๆ ก่อน เพราะบางครั้งก็จบไม่ลงได้ค่ะ
- เครื่องมือช่วยจำ : จะใช้ Google Calendar, Notion หรือแม้แต่ To-Do List ที่เป็นกระดาษ ก็ไม่ผิดค่ะ ขอแค่ “มีระบบ” ที่คุณใช้ได้จริง
2. รู้จักเวลาตัวเอง (Time Audit)
หากคุณกำลังรู้สึกเหนื่อยล้า จัดตารางไม่ลงตัวซักที ลองใช้เวลาสัก 3 วัน จดบันทึก Time Audit เพื่อดูว่า เวลาของคุณ "รั่ว" ไปตรงไหนบ้าง และรู้สึกอย่างไรกับแต่ละช่วงเวลา จากนั้นจึงออกแบบตารางใหม่ที่เหมาะกับตนเอง เรื่องนี้สำคัญนะคะ เราเปลี่ยนแปลงอะไรได้ยาก ถ้าไม่รู้ว่าปัจจุบันสิ่งนั้นเป็นอย่างไร
3. อย่าลืมพัก! ไม่ให้ Passion กลายเป็น Burnout
- วางแผนหยุดงานบ้าง กำหนดเวลา "พัก-ปิดมือถือ" ให้เป็น Routine ตั้งเวลาไม่ตอบไลน์ ไม่ไถโซเชียล หรือปิดมือถือไปเลยเพื่อพักจริงๆ
- กลับมาทบทวน หมั่นถามตัวเองเสมอว่าสิ่งที่ทำอยู่ “ยังใช่เราไหม ?” โดยดูผลประกอบการประกอบด้วย
- พักเพื่อเติมพลัง สลับเวลาไปทำอย่างอื่นหรือใช้เวลากับครอบครัว เติมใจให้เต็มก่อนกลับมาลุยต่อ
💡 กลุ่มตัวอย่างบางคนที่ผู้เขียนไปสัมภาษณ์มา บอกว่าไม่เคยหมดพลัง เพราะการทำงานให้สำเร็จนั่นแหละ คือการเติมพลังที่ดีที่สุดค่ะ แต่นั่นก็คือบางคน ถ้าไม่ไหวต้องรู้จัก เร็ว ช้า หนัก เบา ในแบบของเราเองนะคะ
จัดการการเงิน – ไม่ปล่อยให้ภาษีมาเป็นฝันร้ายปลายปี
ไม่อยากร้องไห้ตอนปลายปีเพราะภาษีบาน มาดูวิธีจัดการเงินและบริหารภาษีของคน Multi-Income แบบมืออาชีพกันค่ะ
1. แยกบัญชีให้ชัดเจน
นี่คือหัวใจสำคัญของการจัดการการเงินของคน Multi-Income ค่ะ
- บัญชีรายรับ แยกตามแต่ละช่องทาง ช่วยให้ดูทบทวนผลประกอบการและวางแผนภาษีง่ายขึ้น
- บัญชีรายจ่าย ติดตามต้นทุน และค่าใช้จ่ายของแต่ละงาน และเก็บเอกสารไว้หักค่าใช้จ่าย/ลดหย่อนภาษี
รูปแบบรายงานรับ-จ่ายอย่างเป็นทางการประกอบการยื่นภาษีบุคคลธรรมดาจากกรมสรรพากร ดูได้ที่นี่ ค่ะ
2. เข้าใจภาษีเบื้องต้นไว้ แม้ยากบ้างแต่ไม่เกินเรียนรู้
ปัจจุบันรายได้ที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย จะถูกส่งข้อมูลให้สรรพากรแล้ว ตรวจสอบได้ผ่าน My Tax Account ฉะนั้นชาว Multi-Income ต้องตรวจสอบ วางแผน และยื่นภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมายนะคะ
งานแบบไหนยื่นภาษีอย่างไร ฉบับเบื้องต้น
- งานประจำ (เงินเดือน) บริษัทจะจัดการหัก ณ ที่จ่าย ตามอัตราภาษีของรายได้ทั้งปี หักค่าใช้จ่าย หักค่าลดหย่อนที่เราแจ้งบริษัทไว้ ถ้าเรามีรายได้เงินเดือนเพียงอย่างเดียวก็จะต้องยื่น ภ.ง.ด. 91 แต่ชาว Multi-income ที่มีเงินเดือนพร้อมรายได้อื่นๆ ก็ต้องยื่น ภ.ง.ด. 90 ค่ะ
- งานรับจ้างรีวิวสินค้า และฟรีแลนซ์สายวิชาชีพ เป็นเงินได้ประเภท 40(2) ซึ่งผู้จ้างมักจะหักภาษีไว้ 5% เพื่อส่งให้กรมสรรพากร หากรายได้ช่องทางนี้เยอะ สิ้นปีก็ต้องจ่ายภาษีเพิ่มเติมตามอัตราก้าวหน้าผ่านการยื่น ภ.ง.ด. 90 ด้วยนะคะ ข้อนี้มักเป็นจุดพลาดของฟรีแลนซ์หลายรายเพราะไม่ได้เตรียมเงินไว้ หากรายได้สุทธิเกิน 1 ล้านบาท ต้องเสียภาษีในอัตรา 25% เลย
- รายได้จากการขายสินค้าออนไลน์ หรือส่วนแบ่งจากแพลตฟอร์ม เป็นเงินได้ 40(8) การขายสินค้าสามารถหักค่าใช้จ่ายตามจริงหรือเหมาก็ได้ แต่ส่วนแบ่งจากแพลตฟอร์มต้องหักค่าใช้จ่ายตามจริงเท่านั้น ดังนั้นเอกสารค่าใช้จ่ายจึงต้องมีประกอบนะคะ และรายได้หมวดนี้ต้อง ยื่นภาษีกลางปีด้วย (คลิกเพื่ออ่านเพิ่มเติมค่ะ)
- รายได้ขายสินค้าและบริการรวมกันเกิน 1.8 ล้านบาท ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นภาษีที่ แยกออกมาต่างหากจากการยื่น ภ.ง.ด. 90/91 โดยต้องมีการเก็บภาษีขายให้กับสรรพากรเมื่อขายสินค้า/บริการ และเมื่อมีต้นทุนที่มีใบกำกับภาษีก็สามารถนำภาษีซื้อมาหักภาษีขายได้ได้ ส่วนต่างก็นำไปยื่นเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นรายเดือน โดยใช้เอกสารชื่อ ภพ. 30
การคำนวณภาษีเงินได้เบื้องต้น
หลักการง่ายๆ คือ รายได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ จากนั้นคูณ อัตราภาษี (ตามขั้นบันได) ยิ่งรายได้สูงก็จะเสียภาษีในอัตราที่สูงขึ้น
ที่มา : กรมสรรพากร
3. กันเงินภาษีไว้ทุกเดือน
เทคนิคเล็กๆ ในการจัดการภาษี คือ ทุกครั้งที่มีรายได้จากงานเสริมเข้ามา ให้กันเงิน 10-20% ไว้สำหรับภาษีเลยค่ะ วิธีนี้จะช่วยให้คุณไม่เครียดตอนต้องจ่ายภาษี และวางแผนใช้ ค่าลดหย่อน เช่น กองทุน RMF หรือ ThaiESG หรือ ประกันชีวิต ฯลฯ เพื่อให้ภาระภาษีลดลงได้ด้วยนะคะ
💡 เคล็ดลับ: ประมาณการรายได้ทั้งปีไว้ล่วงหน้า แล้วทยอยซื้อกองทุนลดหย่อนทุกเดือน ตรวจสอบรายได้อีกครั้งก่อนสิ้นปี แล้วค่อยซื้อกองทุนให้ลดหย่อนได้เต็มแม็กซ์ ไม่ต้องใช้เงินก้อนตอนปลายปี แถมประหยัดภาษีขึ้นอีกมาก
และนอกจากออมเพื่อภาษีแล้ว อย่าลืมสำรองเงินฉุกเฉิน 6-12 เดือน ของค่าใช้จ่ายจำเป็น และแบ่งเงินไปลงทุนเพื่อตัวเราในอนาคตด้วยนะ
🎯 Check List คนทำงานรายได้หลายทาง
เพื่อให้ชีวิต Multi-Income ของคุณราบรื่น ตรวจสอบว่าคุณตามนี้แล้วหรือยัง
✅ บันทึกบัญชีรายรับ-รายจ่าย ของรายได้ทุกช่องทาง
✅ คำนวณภาษีล่วงหน้า วางแผนค่าลดหย่อน และกันเงินภาษีไว้ทุกเดือน
✅ วางตารางงานล่วงหน้า ทำ Time Blocking และมี To-Do List ที่ใช้ได้จริง
✅ ประเมินผลงาน แต่ละช่องทางทุก 3 เดือน เพื่อทบทวนแนวทาง
✅ ปรึกษานักวางแผนการเงิน เมื่อรู้สึกไม่มั่นใจ
รายได้เสริมคุณเริ่มได้เอง ส่วนเรื่องการเงินปรึกษาเราได้
โลกยุคใหม่เปิดโอกาสให้เรามีรายได้หลากหลายทาง ไม่ผิดเลยที่จะอยากมีมากกว่า 1 อาชีพ หรือ ทำสิ่งที่รักควบคู่กับสิ่งที่จำเป็น แถมยังเป็นหลักประกันความเสี่ยง แต่อย่าปล่อยให้รายได้เสริม กลายเป็น “ความเครียดเสริม” โดยไม่รู้ตัว
ถ้าคุณกำลังสับสน เครียดเรื่อง
- การจัดการรายรับหลายทาง
- การจัดการเรื่องภาษี
- การจัดการเงินลงทุนเพื่อต่อยอดความมั่งคั่ง
- การวางแผนเกษียณอายุ
- รวมถึงเรื่องการเงินอื่นๆ
นักวางแผนการเงินจาก Avenger Planner พร้อมอยู่เคียงข้างคุณ 💙 สนใจให้พวกเราเป็นผู้ช่วย 👉 คลิกที่นี่ได้เลย ค่ะ